พรใดในโลกหล้า ไม่มีค่าอันใด หากใจยังไม่รู้จักคำว่า " พอ "

ชีวิตเราก็เหมือนสะพาน มีขึ้น...มีลง มีสูง...มีต่ำ พอสุดท้าย...ก็ตาย

รูปภาพกิจกรรม

บุญเราไม่เคยสร้าง.... แล้วใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า

ลูกเอ๋ย ก่อนจะไปเที่ยวขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปยืมมาจนล้นตัว... เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมาก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว... แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้ แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง...

จงจำไว้นะ... เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้... ครั้งถึงเวลา.... ทั่วฟ้าจดดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่...จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า... ( คำเทศนาของ เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี )



รายการทำเสื้อขายเพื่อสมทบทุนในโครงการต่างๆ
ของทาง ศรัทธาธรรมของเรา
แค่ตัวอย่างครับ ตัวจริงกำลังเริ่มทำ


ตัวจริงยังไม่ได้เริ่มทำครับ
ใครจะสั่งจอง comment ไว้ด้านล่างครับ
ยินดีอย่างยิ่งครับ


7/1/53

เทคนิคมองโลกในแง่ดี

เทคนิคมองโลกในแง่ดี


คนไทยสมัยนี้เครียดกันง่ายจัง วันๆ หนึ่งต้องพบกับความทุกข์ใจ ไม่สบายใจ กังวลใจ กันหลายๆ ครั้ง ไม่เหมือนกับคนไทยสมัยโบราณที่กว่าจะเกิดความเครียดขึ้นมาได้ โน่น..ต้องมีเสือบุกเข้ามากินวัว โจรบุกเข้ามาปล้น ถึงจะเกิดความเครียดกันทีหนึ่ง เรียกว่าวันๆ หนึ่งแทบจะไม่รู้จักความเครียดกันเลย ใบหน้าคนไทยสมัยก่อนจึงมีแต่รอยยิ้ม พวกฝรั่งซึ่งเป็นคนมาจากวัฒนธรรมอื่นมาเห็นเข้าพากันแปลกใจว่าทำไมคนไทย อารมณ์ดีกันจัง ก็เลยตั้งชื่อว่าให้ว่า "สยามเมืองยิ้ม"
นอก จากนี้คนไทยยังมีวิธีคิดที่ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนา ให้รู้จักคิดปล่อยวาง คิดให้สบายใจ ในยามที่ต้องพบกับปัญหาหนักๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งปัจจุบันนี้ยังเหลือร่องรอยวิธีคิดเหล่านี้อยู่ในนิสัยคนไทยทั่วๆ ไปบ้าง แต่บางคนก็ลืมไปแล้ว หรือคนรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จัก วันนี้เครือข่ายฯจึงขอนำวิธีคิดเหล่านี้นำมาปรับปรุงแก้ไขให้มีความเป็นพุทธ และ ให้มีความทันสมัย เหมาะกับคนยุคปัจจุบันมากขึ้น นำเสนอเป็นเทคนิควิธีคิดมองโลกในแง่ดีสำหรับคนยุคไอที ดังต่อไปนี้


ยามพบอุปสรรคในการทำงาน

ไม่เป็นไร..เอาใหม่ : คำพูดนี้สำคัญมากครับ เอาไว้ใช้อุทาน เวลาท่านต้องประสบกับปัญหาความล้มเหลวในการทำงานหรือ เจอข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน หรือ เวลาเพื่อนร่วมงานทำงานผิดพลาด คำพูดนี้จะเป็นเครื่องปลอบใจและให้กำลังใจได้เป็นอย่างดี คำว่า "ไม่เป็นไร" เป็นคำที่ทำให้จิตใจปล่อยวางจากปัญหา ไม่ถูกบีบคั้นจากปัญหา คำว่า "เอาใหม่" เป็น คำพูดที่ปลุกคุณธรรมข้อ "วิริยะ" แปลว่า เพียรสู้งาน ปลุกใจให้เราคิดสู้ปัญหา ไม่ท้อถอย

ยามพบกับเหตุการณ์ร้ายที่ไม่พึงปรารถนา

โชคดีนะเนี่ย : ไม่ว่าคุณเจอะเจอกับความทุกข์กายทุกข์ใจอะไรในชีวิตประจำวัน ให้คิดเสียว่าสิ่งเลวร้ายที่เราต้องประสบทุกๆ ครั้ง มันไม่ได้ร้ายกาจจนถึงที่สุดแม้สักอย่างเดียว มันเป็นความ"โชคดี"ของเราจริงๆ ที่ไม่เจอหนักกว่านี้
ยกตัวอย่าง
เดินหัวชนเสาหัวปูด อุทานว่า "อูย ! ..โชคดีนะเรา หัวยังไม่แตก"
โดนตัดเงินเดือน พูดกับตัวเองว่า "เขาไม่ไล่เราออก ก็บุญแล้ว ถือว่ายังโชคดีนะเนี่ย"
ทำกาแฟร้อนๆ หกรดขากางเกง พูดกับตัวเองว่า "เหอ..ๆ โชคดี ที่มันไม่หกรดเป้ากางเกงเรา"

ยามมีปัญหากับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

เขายังดีนะ : เวลาคุณมีปัญหากับเพื่อนมนุษย์ เช่นเพื่อนร่วมงาน คนข้างบ้าน ฯลฯ เช่น บางคนอาจจะทำงานไม่ถูกใจ บางคนอาจจะทำอะไรผิดใจคุณ หรือ บางคนอาจจะมีเจตนาไม่ดีกับคุณ ให้คิดเช่นเดียวกันว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันก็ยัง ไม่ได้ร้ายกาจถึงที่สุดกับคุณแต่อย่างใด มันยังมีแง่ดีๆ ให้เราคิดถึงเขาอยู่เสมอ
ยกตัวอย่าง
คนข้างบ้านนินทาเรา เราก็บอกกับตัวเองว่า โอ้... นี่เขายังดีนะที่ไม่ถึงกับมาดักทำร้ายเรา
มีคนมาขโมยปากกาที่โต๊ะทำงานเราไป เราก็คิดว่า เจ้าขโมยนี่ยังดี ที่ไม่ยกเครื่องคอมพ์เราไป
สาวหักอก เราก็คิดว่า เธอยังดีนะเนี่ย ที่ไม่ควงคู่แข่งมาเย้ยเราให้เจ็บใจหนักไปกว่านี้
เพื่อนร่วมงานเอาเปรียบ เราก็คิดว่า เขาก็ยังดีที่ไม่ใส่ร้ายป้ายสีเราข้างหลัง

เทคนิคคิดเมื่อเจอปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

เอ๊ะ...! ตรงนี้เราได้อะไร : เป็นการตั้งคำถามเพื่อให้จิตตั้งแง่คิดเพื่อมุ่งหาความรู้ทันทีที่ได้พบกับ ปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น นาย ก. เดินตกท่อ ขาแข้งถลอก นาย ก. ทั้งๆ ที่เจ็บปวด กลับตั้งคำถามขึ้นมาในใจว่า เราเดินตกท่อตรงนี้ เราได้อะไร ! เท่านั้นเองคำตอบต่างๆ ก็พรั่งพรูออกมามากมาย อาทิเช่น
ก. เราได้ดูแลรักษาตัวเองอีกแล้วดีจัง ไม่ได้ดูแลตัวเองมานาน
ข. เราได้บทเรียนซาบซึ้งกับคำว่า "อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง"
(เคยเดินมาดีๆ ทุกวัน วันนี้ใครกันดันมาเปิดฝาท่อ)
ค. มันทำให้เราได้ไอเดียเกี่ยวการทาแถบสีสะท้อนแสงตรงขอบท่อ เพื่อคนจะได้สังเกตเห็นได้แต่ไกลๆ
วิธี คิดเช่นนี้จะทำให้เรารู้สึกเลยว่า ชีวิตนี้มีแต่ได้ ไม่มีเสีย คือ แม้ว่าเราจะพบกับสิ่งที่ไม่น่าพึงปรารถนาก็ตาม แต่ถ้าหากว่าเรารู้จักตั้งคำถามเช่นนี้เป็นนิสัย เราก็จะได้สิ่งที่ดีๆ มากมายจนบางครั้งเราอาจจะต้องนึกขอบคุณที่ได้เจอกับปัญหาบ่อยๆ เลยทีเดียว
ยัง มีวิธีคิดมองโลกในแง่ดีอีกมากมายหลายวิธี ซึ่งเครือข่ายชาวพุทธกำลังค้นคว้าหาข้อมูลจากพระไตรปิฎก เพื่อประยุกต์เป็นวิธีคิดนำมาเสนอท่านโอกาสต่อไป อย่าลืมติดตามตอนที่ ๒ เร็วๆ นี้นะครับ สวัสดี


ที่มา :
http://www.budpage.com/
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=1485
http://board.palungjit.com/f14/เทคนิคมองโลกในแง่ดี-184561.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขอขมาพระสงฆ์


ตั้งนะโม 3 จบ

( นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ )

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
'หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกิน บิดา-มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า
ตลอด จนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วย กาย วาจา ใจ ก็ดี ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมา
ขออนุญาติมีคู่ มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีต ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร
ขอบุญบารมี ในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ สติ ปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใดๆ โรคภัยใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลก ทางธรรมตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ
หากมีผู้ใดเคยสร้างเวร สร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความพยาบาท ความอาฆาต และคำสาปแช่งในทุกชาติทุกภพ
ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรมนายเวร'

แนวการสอนของพระอาจารย์เกษม

ชีวิตของมนุษย์และสัตว์ ทั้งในโลกนี้และในโลกทิพย์มีส่วนสัมพันธ์กัน เข้าไปอยู่ที่กฏแห่งกรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนในการเวียนว่ายตายเกิดไปๆมาๆที่จะไม่เคยเป็นญาติ ไม่เคยเป็นเพื่อน ไม่เคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรกัน ชีวิตของทุกคนจึงมีส่วนสัมพันธ์กันไม่มากก็น้อยทั้งส่วนดีมากและดีน้อย ทั้งส่วนเลวมากเลวน้อย ทั้งในส่วนที่ทำให้เกิดความเครียดแค้นชิงมากชิงน้อยทั้งในส่วนที่อุปการะมากและอุปการะน้อยนี้เป็นกรณีหนึ่ง

การได้ดีตกยาก เจ็บไข้ได้ป่วยของมนุษย์และสัตว์ ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกรรมในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ อีกส่วนหนึ่งได้รับเหตุปัจจัยกระทบจากสิ่งรอบข้าง อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของสิ่งลี้ลับที่เรามองไม่เห็น เช่น เทวดาช่วยเหลือ เทวดาให้โทษ ผีให้โทษ เจ้ากรรมนายเวรที่เดียดแค้น ชิงชังให้โทษ

คนเราทุกคนจะมีเทวดาอย่างน้อย 2 องค์ เป็นเทวดาประจำตัวคอยติดตามรักษา เทวดานี้แหละที่ชอบช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จ หรือช่วยปกป้องคุ้มครองให้เรารอดพ้นจากภัยอันตรายที่น่าหวาดเสียวได้อย่างน่าอัศจรรย์ ชึ่งบางที่เราก็ยกให้เป็นคุณงามความดีของวัตถุมงคลที่แขวนคอเสีย

ก็มีเด็กน้อยบางคนไม่มีวัตถุมงคลติดตัวเลย แต่สามารถหลุดพ้นจากอุบัติเหตุ และการดักทำร้ายของศัตรูมาได้อย่างปฎิหารย์ นั่นคือการปกป้องรักษาจากเทวดาประจำตัวเขาหรือญาติในโลกทิพย์ของเรา

พวกเราชาวพุทธ แต่ละคนล้วนเคยทำบุญให้ทานมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งในชาตินี้และในชาติก่อน ถ้าจะนับบุญก็คงจะใหญ่เท่าภูเขาเลากาหรือเท่าก้อนโลก แต่ไม่รู้จักใช้บุญของตนเองให้เกิดประโยชน์ในปัจจุบันชาติ จึงต้องรอตายแล้วจึงไปรับบุญในสรวงสวรรค์ คนทำบุญจึงชอบบ่นว่าทำแต่บุญไม่เห็นได้ดีสักที ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาไม่เคยให้บุญแก่เทวดาที่รักษาตัวเอง ไม่เคยให้เจ้ากรรมนายเวรทีตามจ้องกันอยู่ไม่เคยให้เทวดาและญาติทิพย์ ที่อาศัยอยู่ในเขตบ้านเรือน ไม่เคยให้เทวดาที่รักษาเจ้านายของตัว เทวดาเหล่านั้นบางองค์อาจมีบุญน้อย มีฤทธ์น้อยจึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้มาก แต่ถ้าเขาได้รับบุญจากเราบ่อยๆ เขาจะกลายเป็นเทวดาทีมีฤทธ์ อำนาจ สามารถช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จดังใจหมาย

บางคนอ้างว่าทำบุญทุกครั้งก็กรวดน้ำให้เทวดาและเจ้ากรรมนายเวรทุกครั้งไม่เห็นมีอะไรเปลียนแปลง โปรดเข้าใจว่าท่านให้ไม่เป็นเขาจึงไม่ได้รับ เช่นให้ไม่เจาะจงหรือแสงบุญหมดแล้วจึงมากรวดน้ำให้ เขาก็ไม่ได้รับ

การใช้บุญสร้างความสำเร็จในปัจจุบัน พระพุทธเจ้าทรงแสดงการเกิดบุญไว้ 3 ประการย่อๆ คือ

๑. บุญเกิดจากการให้ทาน ๒. บุญเกิดจากการรักษาศีล ๓. บุญเกิดจากการภาวนาอบรมจิตใจ

โดยสรุปแล้วการสร้างความดีทุกประการล้วนเป็นแหล่งของการเกิดผลบุญทั้งสิ้น แล้ก่อให้เกิดอานิสงส์ที่จะสร้างความสำเร็จในชีวิตได้ทั้งสิ้น

เมื่อกำลังให้ของแก่ใคร ไม่ว่าจะถวายของแก่พระสงฆ์ ให้ของแก่พ่อ แม่ พี่น้อง ญาติมิตร แม้เอาข้าวให้หมากิน เอาอาหารโยนให้ปลากินเอาเศษอาหารโปรยให้มดกิน ย่อมเกิดกระแสบุญขึ้นเป็นแสงเรืองรองแผ่ออกจากตัวผู้กำลังให้ เพียงไม่กีวินาทีแสงนี้จะพุ่งหายขึ้นไปเบื้องบน แล้วสะสมเป็นกองบุญของผู้ให้อยู่บนเทวโลก ดังนั้นขณะให้ของแก่ใครจึงควรอธิษฐานจิต คิดทันที่ว่า บุญนี้จงเป็นของเทวดา ผู้รักษาข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของ เทวดา-ภูต-ผี-ปีศาจ-เปรต-ครุฑ-นาค-ยักษ์ ที่อาศัยอยู่ในสถานที่เลือกสวน ไร่นา เคหะสถาน บ้านเรือนของข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบุตรของข้า จงเป็นของเทวดาผุ้รักษาบิดามารดาของข้า เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการแก้ไขในจุดไหน

การให้ทานแก่บุคคลย่อมมีผลบุญแตกต่างกัน

ให้ในพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานย่อมเกิดผลมากกว่าให้พระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียว

ให้ในพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ผู้ออกนิโรธสมาบัติ ย่อมมีผลมากกว่าให้ในพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ในสถาณภาพปกติ

ให้ในพระพุทธเจ้า ย่อมมีผลเหนือกว่าให้ในพระอรหันต์ ให้ในพระอรหันต์ย่อมมีผลเหนือกว่าให้พระอนาคามี

ให้ในพระอนาคามี ย่อมมีผลเหนือกว่าให้พระสกทาคามี ให้ในพระสกทาคามี ย่อมมีผลเหนือกว่าให้แก่พระโสดาบัน

ให้ในพระโสดาบัน ย่อมมีผลมากกว่าให้แก่ผู้ทรงฌาน ให้ในผู้ทรงฌาน ย่อมมีผลเหนือกว่าให้ในพระผู้ประพฤติศีลตามปกติ

ให้ในผู้มีศีล ย่อมมีผลมากกว่าให้ผู้ไม่มีศีล ให้ในคน ย่อมมีผลมากกว่าให้ในสัตว์

ให้ในสัตว์โพธ์สัตว์ ย่อมมีผลมากกว่าให้ในสัตว์ธรรมดา ให้ในที่มีคุณ ย่อมเกิดผลมากกว่าให้แก่สัตว์ที่ไม่มีคุณ

แม้แต่ให้อาหารแก่พวกมด ปลวกก็ยังเกิดบุญกุศล ดังนั้น เชื่อว่าการให้ย่อมเกิดบุญกุศลทั้งสิ้น แต่มากน้อยต่างกัน เงิน 1 บาท ถวายพระอรหันต์มีผลมากมายนับไม่ได้ แต่ให้พระภิกษุผู้ทรงศีลมีผลน้อย นี้คือความแตกต่างของนาบุญ ถ้ารู้จักเลือกให้เลือกเถิด ถ้าเลือกไม่ได้ให้ถวายในสงฆ์รวมก็มีอานิสงฆ์มาก........

การทำบุญ ทำกุศลมีหลายประการ เรียกบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ

๑. ทำบุญด้วยการแบ่งปันสิ่งของแก่ผู้อื่น ๒. ทำบุญด้วยการรักษาศีล

๓. ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา คือฝึกอบรมจิตใจ ๔. ทำบุญด้วยความประพฤติอ่อนน้อม ถ่อมตน

๕. ทำบุญด้วยการช่วยเหลือรับใช้ ๖. ทำบุญด้วยการแบ่งความดีให้แก่ผู้อื่น

๗. ทำบุญด้วยการยินดีในความดีของผู้อื่น ๘. ทำบุญด้วยการฟังธรรม ศึกษาหาความรู้

๙. ทำบุญด้วยการสั่งสอนธรรมให้ความรู้ ๑๐. ทำบุญด้วยการทำความเห็นให้ตรง สัมมาทิฐิ

ขอขมาลาโทษเจ้ากรรมนายเวร

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ๓ กรรมดีอันใดเป็นบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำบำเพ็ญมาแล้ว ในอดีตชาติก็ดี ในปัจจุบันชาตินี้ก็ดี ในวันนี้ก็ดี ขอให้ถึงแก่ท่านทั้งหลายที่มีภพภูมิมีชาติเป็นแดนเกิด มีชรามรณะ มีจิตมีชีวิตมีวิญญาณ มีขันธสันดาน มีวิบากแห่งกรรม มีกฏแห่งกรรม เจ้ากรรมนายเวร เจ้าเวรนายใช้ เจ้าการบัญชี จตุโลกบาลทั้ง ๔ พยายมบาล มนุษย์ ๑ สวรรค์ ๓ พรหม ๑๐ อบายภูมิทั้ง๔ บัดนี้ข้าพเจ้าได้สร้างกองกุศล มีผลทาน ผลศีล ผลภาวนา ผลแผ่เมตตาขอให้ถึงแก่ท่านทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าได้เคยกระทำกรรมชั่วร้ายไว้ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ต่อหน้ากันก็ดี ลับหลังกันก็ดี ที่ระลึกได้ก็ดี ที่ระลึกไม่ได้ก็ดี ขอให้ท่านทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินต่อพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระปัจเจพุทธเจ้าทั้งหลาย พระธรรมเจ้าทั้งหลายพระอริยะสงฆ์เจ้าทั้งหลาย พระสมมุติสงฆ์ทั้งหลายตลอดถึงการล่วงเกิดต่อบิดา มารดา ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ผู้มีอุปการคุณทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เจ้าเวรนายใช้ทั้งหลาย เทพบุตรเทพธิดาทั้งหลาย เทพทรงองค์ทั้งหลาย สิ่งศักสิทธ์ทั้งหลาย พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย สรรพสัตว์ทั้งหลายในหมื่นโลกธาตุในแสนโกฎิจักรวาล ในอนันตจักรวาล ทั้ง ๓๑ ภูมิ ทุกภพ ทุกชาติ ทุกภพ ทุกภูมิ ทุกชาติทุกศาสนา ทุกภาษา ที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกิน ด้วยกายวาจาใจ เคยฆ่าให้ตายก็ดี กักขังทรมานก็ดี ประทุษร้ายร่างกายจนพิกลพิการก็ดี เคยดุด่าว่าร้ายปรักปรำใส่ร้ายป้ายสีก็ดี เคยคิดอกุศลต่ำช้าลามกต่อท่านทั้งหลายก็ดี ขอให้ท่านทั้งหลายโปรดยกโทษอโหสิกรรมให้ซึ่งกันและกัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่ามีเวรภัยเกิดชาติหนึ่งภพภูมิใด ขอให้ข้าพเจ้าได้สร้างแต่กรรมดี สร้างบารมีของตนให้พ้นภัยพาล ลุล่วงบ่วงมาร ขอให้ถึงพระนิพาน และดับทุกข์ได้ในที่ทุกๆสถานในกาลทุกเมื่อเทอญ พุทโธอโหสิ ธัมโมอโหสิ สังโฆอโหสิ สรรพสัตว์ทั้งหลายให้อโหสิกรรม เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายให้อโหสิ เจ้าเวรนายให้อโหสิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้อโหสิกรรม ซึ่งกันและกัน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเทอญ................

สาธุ.........สาธุ.........สาธุ.........อนุโมทามิ.........ฯ

จัดทำและพิมพ์ เพื่อทำบุญด้วยการเผยแผ่ธรรมการทำความดี ทำบุญกิริยาวัตถุ แก่เพื่อนมนุษย์ทั้งหลายและด้วยผลแห่งบุญนี้จงเป็นของเทวดาผุ้รักษาดูแลตัวข้าพเจ้า และขอผลแห่งบุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า