พรใดในโลกหล้า ไม่มีค่าอันใด หากใจยังไม่รู้จักคำว่า " พอ "

ชีวิตเราก็เหมือนสะพาน มีขึ้น...มีลง มีสูง...มีต่ำ พอสุดท้าย...ก็ตาย

รูปภาพกิจกรรม

บุญเราไม่เคยสร้าง.... แล้วใครที่ไหนจะมาช่วยเจ้า

ลูกเอ๋ย ก่อนจะไปเที่ยวขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะหนี้สินในบุญบารมีที่เที่ยวไปยืมมาจนล้นตัว... เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมาก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว... แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้ แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง...

จงจำไว้นะ... เมื่อยังไม่ถึงเวลาเทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้... ครั้งถึงเวลา.... ทั่วฟ้าจดดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่...จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดินเมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า... ( คำเทศนาของ เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี )



รายการทำเสื้อขายเพื่อสมทบทุนในโครงการต่างๆ
ของทาง ศรัทธาธรรมของเรา
แค่ตัวอย่างครับ ตัวจริงกำลังเริ่มทำ


ตัวจริงยังไม่ได้เริ่มทำครับ
ใครจะสั่งจอง comment ไว้ด้านล่างครับ
ยินดีอย่างยิ่งครับ


4/1/53

ติดบุญ-บาปพัวพัน ( เอาไปคิดกันดูครับ )

ความหลงได้ทำให้มนุษย์เข้าใจผิดคิดว่าการสร้างบุญเป็นหนทางแห่งการพ้นเวียน ว่ายตายเกิด แท้ที่จริงกลับเป็นการถากถางทางการเวียนเกิด-ตาย ไม่สิ้นสุดนั่นเอง

วันหนึ่งเมื่อข้าหลวงอุ๋ยได้ถวายภัตตาหารเจแด่พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงแล้ว ข้าหลวงอุ๋ยได้กราบเรียนถามพระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงว่า

"หลักธรรมต่างๆ ที่พระคุณเจ้าแสดงไปแล้วนั้นเป็นหลักธรรมเดียวกันกับที่พระโพธิธรรมได้วางหลักธรรมสำคัญนี้ไว้มิใช่หรือ"

"ถูกแล้ว" พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงตอบ

"แต่กระผมได้สดับมาว่า เมื่อพระโพธิธรรมได้พบปะและสนทนากันเป็นครั้งแรกกับฮ่องเต้ เหลียงอู่ตี้ จึงถามพระโพธิธรรมว่าพระองค์จักได้รับกุศลอะไรบ้างจากการที่พระองค์ได้ก่อ สร้างพระวิหารการอนุญาตให้คนบวช การโปรยทาน การถวายภัตตาหารเจแด่พระภิกษุสงฆ์ ในครั้งนั้นพระสังฆปริณายกโพธิธรรมถวายพระพรว่า
การกระทำเช่นนั้น ไม่เป็นทางนำมาซึ่งกุศลแต่อย่างใดเลย บรรดาข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่า เหตุไฉนพระโพธิธรรมจึงตอบดังนั้น"

พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงตอบว่า
"ถูกแล้วการกระทำเช่นนั้นไม่เป็นทางนำมาซึ่งกุศลแต่อย่างใดเลย ขออย่าได้มีความสงสัยในคำตอบนี้ของพระโพธิธรรมเลย พระเจ้าเหลียงอู่คตี้เองต่างหากที่มีความเข้าใจผิดและพระองค์ไม่ได้ทรงทราบ ถึงคำสอนอันถูกต้องตามแบบแผนการกระทำ เช่น การสร้างวิหาร การอนุญาตให้คนบวช การโปรยทาน การถวายภัตตาหารเจ จะนำมาให้ได้ก็แต่เพียงความปิติอิ่มใจต่างๆ เท่านั้น จึงไม่ถือว่าเป็นกุศล กุศลมีได้ก็แต่ในธรรมกายซึ่งไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับการทำเพื่อความปิติ อิ่มใจเลย"

คำกล่าวของพระธรรมมาจารย์ฮุ่ยเหนิง ได้ยืนยันให้เห็นความจริงว่า คำกล่าวของพระโพธิธรรมเมื่อครั้งกระนั้นถูกต้องเพียงแต่มิได้อธิบายหรือมี โอกาสชี้แจงแสดงเหตุผลให้พระเจ้าเหลียงอู่ตี้สดับได้เพราะเพียงได้ยินคำกล่า ว่า ไม่เป็นบุญกุศลโทสะจริตก็ครอบงำพระหฤทัยจึงขับไล่พระโพธิธรรมออกไปจาก พระราชวัง

ดังนั้นถ้าพิจารณาประวัติความเป็นมาของพระเจ้าเหลียงอู่เต้ย่อมประจักษ์ถึง สัจธรรมแห่งการทำบุญว่ามิใช่หนทางแห่งการพ้นไปจากการเวียยนเกิด-ตาย เลย แต่กลับกลายเป็นการเวียนเกิดมารับผลบุญของตนเองไม่มีที่สิ้นสุด

สมัยหนึ่งมีวัดแห่งหนึ่งซึ่งแบ่งออกเป็นสองคณะและต่างก็แข่งขันกันในอันที่ตื่นขึ้นมาสวดมนต์ก่อนนั้น

พระคณะเหนือตื่นก่อนและสวดมนต์ได้ทันเวลา แต่พระคณะได้ตื่นสายไม่ทันการณ์

เณรองงค์หนึ่งแห่งคณะใต้มีความสงสัยจึงมาแอบดูว่าเป็นเพราะเหตุใดพระคณะนี้ จึงตื่นได้ทันเวลาเสมอ จึงเห็นไส้เดือนตัวหนึ่งเลื้อยขึ้นมาจากใต้ดินส่งเสียงร้อง ปลุกพระคณะเหนือ เณรจึงไปต้มน้ำร้อนมาราดฆ่าไส้เดือนตัวนั้นเสีย

แต่เป็นเพราะจิตญาณของไส้เดือนเต็มไปด้วยบุญจึงได้ไปถือกำเนิดเป็นชายตัดฟืน และความใจบุญยังคงติออยู่ในกมลสันดาน ชอบซ่อมแซมสาธารณะสมบัติไม่ว่าจะเป็นสะพานที่ชำรุดหรือศาลาพักร้อนก็ซ่อมแซม ให้พ้นจากสภาพทรุดโทรมและชนทั่วไปสามารถใช้การได้เสมอ

วันหนึ่งชายตัดฟืนเดินเข้าไปในป่าตามปกติ พบพระพุทธรูปองค์หนึ่งตั้งตากแดดตากฝนอยู่เพราะเพิงได้พังทลายลงไปเสียแล้ว ชายตัดฟืนจึงบูรณะให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยและไปเก็บดอกไม้มากราบไหว้บูชา พระพุทธรูปเสมอมา

แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้ชายตัดฟืนแปลกใจเป็นยิ่งนัก เพราะผลไม้หรือดอกไม้นั้นหายไปเสมอ วันหนึ่งหลังจากนำผลไม้มาถวายพระพุทธรูปแล้วก็แอบดู จึงเห็นลิงตัวหนึ่งมาขโมยผลไม้แลละดอกไม้ไป ชายตัดฟืนเกิดโทสะ ไล่จับลิงแต่ลิงก็วิ่งหนีไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง

ชายตัดฟืนจึงขนหินมาปิดปากถ้ำขังลิงไว้เจ็ดวันก็ถึงแก่ความตาย
ลิงซึ่งเคยเป็นเณรฆ่าไส้เดือน ตายจากลิงแล้วจึงไปเกิดเป็นโหวจิ่งแม่ทัพแคว้นเว่ย
ส่วยชายตัดฟืนเมื่อสิ้นอายุขัยได้ไปถือกำเนิดเป็นพระเจ้าเหลียงอู่ตี้เพราะ ผลบุญของการสร้างสาธารณะสมบัติเป็นแรงส่งให้ได้เสวยผลบุญของตน

และจิตที่เต็มอิ่มไปด้วยบุญในชาติที่เป็นพระเจ้าเหลียงอู่ตี้จึงใจบุญสนับ สนุนให้มีการสร้างวัดมากมาย โดยเฉพาะพระองค์เองได้สร้างวัดไว้อย่างประมาณมได้เดินทางไปห้าสิบลี้ก็สร้าง วัดเล็กๆ ขึ้นวัดหนึ่ง ครั้นถึงร้อยลี้ก็สร้างวัดใหญ่ๆ

การสร้างบุญจึงเป็นเสมือนหนึ่งการสะสมเงินตราเอาไว้เป็นธนาคารของตนเอง สามารถเบิกจ่ายมาใช้สอยให้ชีวิตมีความสุข
คนใจบุญจึงต้องเวียนว่ายไปเกิดเพื่อรับผลบุญของตนเอง

เมื่อติดอยู่ในบุญแต่เพียงอย่างเดียว ในจิตจึงมีอกุศลตามมาเสมอเพราะบาปเวรกรรมมิได้กำจัดไป เพราะฉะนั้นจึงต้องเผชิญต่อบาปที่ตนเองก่อเอาไว้อย่างหลีกเลี่ยงมิได้

พระเจ้าเหลียงอู่ตี้จึงถูกโหวจิ่งแม่ทัพของเมืองเว่ยปิดล้อมพระราชวัง จนอดอาหารตายเช่นเดียวกับสมัยที่เป็นชายตัดฟืนแล้วขังลิงเอาไว้ในถ้ำนั่นเอง

การสร้างบุญจึงทำให้จิตใจอิ่มเอิบ แต่มิได้มีกุศลอันเป็นเครื่องตัดกิเลสทั้งปวงในจิต

สร้าง บุญมากเท่าไหร่แต่อารมณ์ทั้งปวงมิได้ถูกกำจัด ฉะนั้นคนใจบุญจึงยังพัวพันกับบาปไม่มีที่สิ้นสุด ชีวิตจึงยังคงเวียนว่ายตายเกิดเพื่อรับบาปและบุญตลอดไปนั่นเอง

(พระสูตรของเว่ยหล่าง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ขอขมาพระสงฆ์


ตั้งนะโม 3 จบ

( นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ )

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
'หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกิน บิดา-มารดา ครูบาอาจารย์ พระพุทธ พระธรรม พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า
ตลอด จนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วย กาย วาจา ใจ ก็ดี ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมา
ขออนุญาติมีคู่ มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป ขอถอนคำอธิษฐาน คำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีต ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูก ที่ชอบ ที่ควร
ขอบุญบารมี ในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัว ตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้อง จงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ
ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ สติ ปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ อุปสรรคใดๆ โรคภัยใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลก ทางธรรมตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ
หากมีผู้ใดเคยสร้างเวร สร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความพยาบาท ความอาฆาต และคำสาปแช่งในทุกชาติทุกภพ
ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรมนายเวร'

แนวการสอนของพระอาจารย์เกษม

ชีวิตของมนุษย์และสัตว์ ทั้งในโลกนี้และในโลกทิพย์มีส่วนสัมพันธ์กัน เข้าไปอยู่ที่กฏแห่งกรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนในการเวียนว่ายตายเกิดไปๆมาๆที่จะไม่เคยเป็นญาติ ไม่เคยเป็นเพื่อน ไม่เคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรกัน ชีวิตของทุกคนจึงมีส่วนสัมพันธ์กันไม่มากก็น้อยทั้งส่วนดีมากและดีน้อย ทั้งส่วนเลวมากเลวน้อย ทั้งในส่วนที่ทำให้เกิดความเครียดแค้นชิงมากชิงน้อยทั้งในส่วนที่อุปการะมากและอุปการะน้อยนี้เป็นกรณีหนึ่ง

การได้ดีตกยาก เจ็บไข้ได้ป่วยของมนุษย์และสัตว์ ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกรรมในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ อีกส่วนหนึ่งได้รับเหตุปัจจัยกระทบจากสิ่งรอบข้าง อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของสิ่งลี้ลับที่เรามองไม่เห็น เช่น เทวดาช่วยเหลือ เทวดาให้โทษ ผีให้โทษ เจ้ากรรมนายเวรที่เดียดแค้น ชิงชังให้โทษ

คนเราทุกคนจะมีเทวดาอย่างน้อย 2 องค์ เป็นเทวดาประจำตัวคอยติดตามรักษา เทวดานี้แหละที่ชอบช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จ หรือช่วยปกป้องคุ้มครองให้เรารอดพ้นจากภัยอันตรายที่น่าหวาดเสียวได้อย่างน่าอัศจรรย์ ชึ่งบางที่เราก็ยกให้เป็นคุณงามความดีของวัตถุมงคลที่แขวนคอเสีย

ก็มีเด็กน้อยบางคนไม่มีวัตถุมงคลติดตัวเลย แต่สามารถหลุดพ้นจากอุบัติเหตุ และการดักทำร้ายของศัตรูมาได้อย่างปฎิหารย์ นั่นคือการปกป้องรักษาจากเทวดาประจำตัวเขาหรือญาติในโลกทิพย์ของเรา

พวกเราชาวพุทธ แต่ละคนล้วนเคยทำบุญให้ทานมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งในชาตินี้และในชาติก่อน ถ้าจะนับบุญก็คงจะใหญ่เท่าภูเขาเลากาหรือเท่าก้อนโลก แต่ไม่รู้จักใช้บุญของตนเองให้เกิดประโยชน์ในปัจจุบันชาติ จึงต้องรอตายแล้วจึงไปรับบุญในสรวงสวรรค์ คนทำบุญจึงชอบบ่นว่าทำแต่บุญไม่เห็นได้ดีสักที ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาไม่เคยให้บุญแก่เทวดาที่รักษาตัวเอง ไม่เคยให้เจ้ากรรมนายเวรทีตามจ้องกันอยู่ไม่เคยให้เทวดาและญาติทิพย์ ที่อาศัยอยู่ในเขตบ้านเรือน ไม่เคยให้เทวดาที่รักษาเจ้านายของตัว เทวดาเหล่านั้นบางองค์อาจมีบุญน้อย มีฤทธ์น้อยจึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้มาก แต่ถ้าเขาได้รับบุญจากเราบ่อยๆ เขาจะกลายเป็นเทวดาทีมีฤทธ์ อำนาจ สามารถช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จดังใจหมาย

บางคนอ้างว่าทำบุญทุกครั้งก็กรวดน้ำให้เทวดาและเจ้ากรรมนายเวรทุกครั้งไม่เห็นมีอะไรเปลียนแปลง โปรดเข้าใจว่าท่านให้ไม่เป็นเขาจึงไม่ได้รับ เช่นให้ไม่เจาะจงหรือแสงบุญหมดแล้วจึงมากรวดน้ำให้ เขาก็ไม่ได้รับ

การใช้บุญสร้างความสำเร็จในปัจจุบัน พระพุทธเจ้าทรงแสดงการเกิดบุญไว้ 3 ประการย่อๆ คือ

๑. บุญเกิดจากการให้ทาน ๒. บุญเกิดจากการรักษาศีล ๓. บุญเกิดจากการภาวนาอบรมจิตใจ

โดยสรุปแล้วการสร้างความดีทุกประการล้วนเป็นแหล่งของการเกิดผลบุญทั้งสิ้น แล้ก่อให้เกิดอานิสงส์ที่จะสร้างความสำเร็จในชีวิตได้ทั้งสิ้น

เมื่อกำลังให้ของแก่ใคร ไม่ว่าจะถวายของแก่พระสงฆ์ ให้ของแก่พ่อ แม่ พี่น้อง ญาติมิตร แม้เอาข้าวให้หมากิน เอาอาหารโยนให้ปลากินเอาเศษอาหารโปรยให้มดกิน ย่อมเกิดกระแสบุญขึ้นเป็นแสงเรืองรองแผ่ออกจากตัวผู้กำลังให้ เพียงไม่กีวินาทีแสงนี้จะพุ่งหายขึ้นไปเบื้องบน แล้วสะสมเป็นกองบุญของผู้ให้อยู่บนเทวโลก ดังนั้นขณะให้ของแก่ใครจึงควรอธิษฐานจิต คิดทันที่ว่า บุญนี้จงเป็นของเทวดา ผู้รักษาข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของ เทวดา-ภูต-ผี-ปีศาจ-เปรต-ครุฑ-นาค-ยักษ์ ที่อาศัยอยู่ในสถานที่เลือกสวน ไร่นา เคหะสถาน บ้านเรือนของข้า หรือ บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบุตรของข้า จงเป็นของเทวดาผุ้รักษาบิดามารดาของข้า เป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการแก้ไขในจุดไหน

การให้ทานแก่บุคคลย่อมมีผลบุญแตกต่างกัน

ให้ในพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานย่อมเกิดผลมากกว่าให้พระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียว

ให้ในพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ผู้ออกนิโรธสมาบัติ ย่อมมีผลมากกว่าให้ในพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ในสถาณภาพปกติ

ให้ในพระพุทธเจ้า ย่อมมีผลเหนือกว่าให้ในพระอรหันต์ ให้ในพระอรหันต์ย่อมมีผลเหนือกว่าให้พระอนาคามี

ให้ในพระอนาคามี ย่อมมีผลเหนือกว่าให้พระสกทาคามี ให้ในพระสกทาคามี ย่อมมีผลเหนือกว่าให้แก่พระโสดาบัน

ให้ในพระโสดาบัน ย่อมมีผลมากกว่าให้แก่ผู้ทรงฌาน ให้ในผู้ทรงฌาน ย่อมมีผลเหนือกว่าให้ในพระผู้ประพฤติศีลตามปกติ

ให้ในผู้มีศีล ย่อมมีผลมากกว่าให้ผู้ไม่มีศีล ให้ในคน ย่อมมีผลมากกว่าให้ในสัตว์

ให้ในสัตว์โพธ์สัตว์ ย่อมมีผลมากกว่าให้ในสัตว์ธรรมดา ให้ในที่มีคุณ ย่อมเกิดผลมากกว่าให้แก่สัตว์ที่ไม่มีคุณ

แม้แต่ให้อาหารแก่พวกมด ปลวกก็ยังเกิดบุญกุศล ดังนั้น เชื่อว่าการให้ย่อมเกิดบุญกุศลทั้งสิ้น แต่มากน้อยต่างกัน เงิน 1 บาท ถวายพระอรหันต์มีผลมากมายนับไม่ได้ แต่ให้พระภิกษุผู้ทรงศีลมีผลน้อย นี้คือความแตกต่างของนาบุญ ถ้ารู้จักเลือกให้เลือกเถิด ถ้าเลือกไม่ได้ให้ถวายในสงฆ์รวมก็มีอานิสงฆ์มาก........

การทำบุญ ทำกุศลมีหลายประการ เรียกบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ

๑. ทำบุญด้วยการแบ่งปันสิ่งของแก่ผู้อื่น ๒. ทำบุญด้วยการรักษาศีล

๓. ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา คือฝึกอบรมจิตใจ ๔. ทำบุญด้วยความประพฤติอ่อนน้อม ถ่อมตน

๕. ทำบุญด้วยการช่วยเหลือรับใช้ ๖. ทำบุญด้วยการแบ่งความดีให้แก่ผู้อื่น

๗. ทำบุญด้วยการยินดีในความดีของผู้อื่น ๘. ทำบุญด้วยการฟังธรรม ศึกษาหาความรู้

๙. ทำบุญด้วยการสั่งสอนธรรมให้ความรู้ ๑๐. ทำบุญด้วยการทำความเห็นให้ตรง สัมมาทิฐิ

ขอขมาลาโทษเจ้ากรรมนายเวร

กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ๓ กรรมดีอันใดเป็นบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำบำเพ็ญมาแล้ว ในอดีตชาติก็ดี ในปัจจุบันชาตินี้ก็ดี ในวันนี้ก็ดี ขอให้ถึงแก่ท่านทั้งหลายที่มีภพภูมิมีชาติเป็นแดนเกิด มีชรามรณะ มีจิตมีชีวิตมีวิญญาณ มีขันธสันดาน มีวิบากแห่งกรรม มีกฏแห่งกรรม เจ้ากรรมนายเวร เจ้าเวรนายใช้ เจ้าการบัญชี จตุโลกบาลทั้ง ๔ พยายมบาล มนุษย์ ๑ สวรรค์ ๓ พรหม ๑๐ อบายภูมิทั้ง๔ บัดนี้ข้าพเจ้าได้สร้างกองกุศล มีผลทาน ผลศีล ผลภาวนา ผลแผ่เมตตาขอให้ถึงแก่ท่านทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าได้เคยกระทำกรรมชั่วร้ายไว้ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ต่อหน้ากันก็ดี ลับหลังกันก็ดี ที่ระลึกได้ก็ดี ที่ระลึกไม่ได้ก็ดี ขอให้ท่านทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินต่อพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระปัจเจพุทธเจ้าทั้งหลาย พระธรรมเจ้าทั้งหลายพระอริยะสงฆ์เจ้าทั้งหลาย พระสมมุติสงฆ์ทั้งหลายตลอดถึงการล่วงเกิดต่อบิดา มารดา ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ผู้มีอุปการคุณทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เจ้าเวรนายใช้ทั้งหลาย เทพบุตรเทพธิดาทั้งหลาย เทพทรงองค์ทั้งหลาย สิ่งศักสิทธ์ทั้งหลาย พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย สรรพสัตว์ทั้งหลายในหมื่นโลกธาตุในแสนโกฎิจักรวาล ในอนันตจักรวาล ทั้ง ๓๑ ภูมิ ทุกภพ ทุกชาติ ทุกภพ ทุกภูมิ ทุกชาติทุกศาสนา ทุกภาษา ที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกิน ด้วยกายวาจาใจ เคยฆ่าให้ตายก็ดี กักขังทรมานก็ดี ประทุษร้ายร่างกายจนพิกลพิการก็ดี เคยดุด่าว่าร้ายปรักปรำใส่ร้ายป้ายสีก็ดี เคยคิดอกุศลต่ำช้าลามกต่อท่านทั้งหลายก็ดี ขอให้ท่านทั้งหลายโปรดยกโทษอโหสิกรรมให้ซึ่งกันและกัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่ามีเวรภัยเกิดชาติหนึ่งภพภูมิใด ขอให้ข้าพเจ้าได้สร้างแต่กรรมดี สร้างบารมีของตนให้พ้นภัยพาล ลุล่วงบ่วงมาร ขอให้ถึงพระนิพาน และดับทุกข์ได้ในที่ทุกๆสถานในกาลทุกเมื่อเทอญ พุทโธอโหสิ ธัมโมอโหสิ สังโฆอโหสิ สรรพสัตว์ทั้งหลายให้อโหสิกรรม เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายให้อโหสิ เจ้าเวรนายให้อโหสิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้อโหสิกรรม ซึ่งกันและกัน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเทอญ................

สาธุ.........สาธุ.........สาธุ.........อนุโมทามิ.........ฯ

จัดทำและพิมพ์ เพื่อทำบุญด้วยการเผยแผ่ธรรมการทำความดี ทำบุญกิริยาวัตถุ แก่เพื่อนมนุษย์ทั้งหลายและด้วยผลแห่งบุญนี้จงเป็นของเทวดาผุ้รักษาดูแลตัวข้าพเจ้า และขอผลแห่งบุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า